วันนี้เราจะพาทุกคนมาพูดคุยกับ คุณท็อป "สุรพงษ์ เพลินแสง" ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา ศิษย์เก่าคณะวารสารศาสตร์ฯ กลุ่มวิชาภาพยนตร์และภาพถ่าย รุ่น JC40 ซึ่งมารับหน้าที่กำกับภาพยนตร์ขนาดยาวเป็นครั้งแรก เรื่อง "Cracked ภาพหวาด" ภาพยนตร์แนวสยองขวัญ จากค่าย CJ Major Entertainment โดยเกิดจากความร่วมมือระหว่าง 4 ประเทศ ได้แก่ เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทย
ภาพยนตร์ เรื่อง "Cracked ภาพหวาด" เป็นเรี่องราวเกี่ยวกับอะไร ?
"Cracked ภาพหวาด" เป็นเรื่องราวของ "รุจา" หญิงสาวที่ได้รับคอลเล็กชันภาพวาดเก่าแก่จากพ่อผู้เป็นจิตรกรชื่อดัง เธอต้องการซ่อมแซมภาพถ่ายเหล่านั้นเพื่อนำไปขายต่อ และนำเงินมารักษาดวงตาของลูกสาว ซึ่งก็คือ "ราเชล" เธอจึงว่าจ้างให้ "ทิม" ศิลปินหนุ่มนักซ่อมภาพวาดให้มาซ่อมแซมภาพเหล่านั้น แต่ดูเหมือนว่าภาพวาดเก่าแก่ที่ถูกนำมาซ่อมนั้นมีอาถรรพ์ซ่อนอยู่ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ทำให้รุจาและทิมต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ประหลาดที่ซ่อนเร้นอยู่ในภาพวาด
ประสบการณ์ด้านการทำงานที่ผ่านมา จุดเริ่มต้นก่อนที่จะมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา ?
ชีวิตหลังจากเรียนจบคณะวารสารศาสตร์ฯ ได้เริ่มต้นการทำงานจากการทำสารคดีโทรทัศน์ หลังจากนั้นก็หาช่องทางไปเป็นผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาที่ บริษัท ฟีโนมีนา จำกัด ใช้เวลาอยู่ที่นั่นประมาณ 3-4 ปี จนสามารถขยับขึ้นมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โมษณาจนถึงทุกวันนี้
ที่มาที่ไปของการได้มากำกับภาพยนตร์ เรื่อง "Cracked ภาพหวาด" ?
เริ่มต้นจากการที่ได้รู้จักกับ คุณโจอี้ "อารยะ สุริหาร" ผู้กำกับภาพยนตร์ เรื่อง "20 ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น" สร้างโดย CJ Major Entertainment หลังจากนั้นถูกชักชวนให้ไปรู้จักกับทีมโปรดิวเซอร์ดังจากเกาหลี ซึ่งทางทีมเกาหลีก็ได้ส่งโปรเจคต่างๆ มาให้ดูเรื่อยๆ จนได้มาอ่านโปรเจคภาพยนตร์เรื่อง “Cracked ภาพหวาด" รู้สึกเกิดสนใจบางสิ่งบางอย่าง จึงตกลงว่าจะทำโปรเจคนี้ และได้มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้
ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการสื่อสารและให้มุมมองอะไรกับผู้ชม ?
ภาพยนตร์เรื่องนี้มุ่งหวังให้ Entertain แก่ผู้ชมด้วย Mood and Tone ของภาพยนตร์แนวสยองขวัญ พร้อมด้วยสอดแทรกสาระสำคัญที่อยากจะสื่อสารในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเสน่ห์ของภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องนี้ ได้พูดถึงสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ทั้งด้านคุณค่า ความงาม ศิลปะ คุณงามความดี และความถูกต้อง ทั้งหมดทั้งมวลเกิดขึ้นด้วยอุดมคติที่ดีและสวยงามไปหมด แต่โลกนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งเหล่านั้นมันถูกบิดเบือนจากผู้ที่มีอำนาจและพยายามจะสร้างข้อมูลอีกชุดหนึ่งขึ้นมา เพื่อปกปิดความจริงของตนเองไว้ นั่นเป็นเพราะว่าความจริงมันที่มีอยู่มันอาจจะโหดร้าย ชีวิตของคนเรานั้นมันมีทางเลือกไม่มากนัก คือ เลือกยอมรับความจริง แต่ก็จะมีอันตรายต่างๆ ในชีวิต ส่วนอีกทางคือ การกระทำที่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ยอมปล่อยตัวเองไปตามความเชื่อใหม่ที่ถูกวาดทับ มันก็จะทำให้รู้สึกว่าการใช้ชีวิตง่ายขึ้น และปลอดภัย แต่ตราบใดที่เราพยายามไป Cracked หรือเอาความจริงที่มันอยู่ข้างล่างขึ้นมา ผลลัพธ์มันมักจะไม่ดีเสมอ ไม่ว่าจะต่อเราหรือคนที่พยายามวาดทับความจริงนั้น มันก็จะมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ ซึ่งมันก็คือสารที่อยากจะสื่อลงไปในภาพยนตร์ เรื่อง "Cracked ภาพหวาด" และเชื่อว่าเมื่อผู้ชมดูจบ ก็จะเข้าใจในภาพยนตร์เรื่องนี้
การเรียนที่คณะวารสารศาสตร์ฯ ส่งผลอย่างไรต่อการเป็นผู้กำกับของคุณท็อปในวันนี้ ?
สิ่งที่ได้จากการเรียนคณะวารสารศาสตร์ฯ จนหล่อหลอมให้กลายมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา คือ บรรยากาศการเรียนการสอนที่เป็นกันเอง อิสระ และไม่พยายามยัดเยียดความคิดจากสิ่งอื่นๆ รวมไปถึงสิ่งต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ไม่ได้เน้นเรื่องพิธีรีตองอะไรมากนัก และให้เราได้แสดงความคิดเห็นแบบที่เป็นตัวเรา ซึ่งมองว่ามันเป็นอิทธิพล สิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกับนักศึกษากลุ่มวิชาภาพยนตร์และภาพถ่าย ทำให้แตกต่างจากมหาวิทยาลัยอื่นๆ ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่คณะวารสารศาสตร์ฯ ให้ก็คือ "บรรยากาศที่จะทำให้เราได้คิดและได้เป็นตัวเอง ไม่ว่าจะออกไปทำงานอะไร"
อยากฝากอะไรถึงน้องๆ วารสาร ที่มีความฝันอยากเป็นผู้กำกับหรือทำงานในวงการภาพยนตร์ ?
การเป็นผู้กำกับสิ่งที่จะพบเจอมากที่สุด คือ ความผิดหวังมากกว่าสมหวัง แต่ในขณะเดียวกันถ้ามีความฝันและความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้กำกับ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "ห้ามยอมแพ้" ถึงหนทางมันจะยากลำบากแค่ไหน เราจะต้องฝ่าฟันอุปสรรคนั้นผ่านไปให้ได้ สุดท้ายแล้วเมื่อเลือกเส้นทางนี้ มันเป็นหนทางที่ลำบาก ยาวไกลและไม่สามารถคาดหวังได้ว่า ทางมันจะสะดวกราบรื่นไปตลอดเวลา แต่มันคือแพ็คเกจที่มาพร้อมกับการเป็นผู้กำกับ