ชวนอ่านบทสัมภาษณ์ ประเด็น Free Speech ในสื่อสังคมออนไลน์ กับ ผศ.ดร.เอกพล เธียรถาวร อาจารย์ประจำกลุ่มวิชาวารสารศาสตร์

15 กันยายน 2568 ชวนอ่านบทสัมภาษณ์ ประเด็น Free Speech ในสื่อสังคมออนไลน์ กับ ผศ.ดร.เอกพล เธียรถาวร อาจารย์ประจำกลุ่มวิชาวารสารศาสตร์ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
.
ผศ.ดร.เอกพล เธียรถาวร อาจารย์ประจำกลุ่มวิชาวารสารศาสตร์ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงกรณีที่พิธีกรท่านหนึ่ง นำเรื่องอาการซึมเศร้าของโรคซึมเศร้ามาใช้โจมตีนักการเมืองรวมถึงมีการพูดถึงเพศสภาพของนักการเมืองในขณะดำเนินรายการทางออนไลน์ จนกลายเป็นประเด็นดราม่ารุนแรงในสังคมนั้น ตนจึงออกมาอธิบายเกี่ยวกับ Free Speech เพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าเสรีภาพไม่ใช่การจะพูดอะไรก็ได้ หรือใช้เป็นเครื่องมือในการทําร้ายผู้อื่น ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเสรีภาพคือปราศจากขอบเขต อยากพูดอะไรก็ได้ตามใจชอบ
.
ผศ.ดร.เอกพล กล่าวว่า โดยทั่วไปวงการสื่อในระบอบประชาธิปไตยร่วมสมัย ถือหลักเสรีภาพที่ควบคู่กับความรับผิดชอบ หากเปรียบเทียบเสรีภาพกับการขับรถ การพูดอะไรก็ได้ ก็เหมือนกับการขับรถบนถนนสาธารณะ แล้วเรารู้สึกว่าเราขับรถแบบไหนก็ได้ อยากขับด้วยความเร็วเท่าใดก็ได้ จะฝ่าไฟแดงหรือสวนเลนก็ได้ ซึ่งไม่น่าจะใช่สิ่งที่เรียกว่าเสรีภาพที่แท้จริง เพราะว่าก่อให้เกิดอันตรายทั้งกับตัวเองและผู้อื่น ซึ่งหากทุกคนคิดแบบนี้ ทําแบบนี้เหมือนกันอาจกลายเป็นว่าไม่มีใครสามารถไปถึงจุดหมายที่ตัวเองต้องการได้และสิ่งนี้คิดว่าไม่ใช่เสรีภาพ การพูดต้องไม่ใช่การพูดอะไรก็ได้โดยไม่คิด หรือมุ่งทําร้ายผู้อื่น แต่เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการพูดอย่างมีเป้าหมาย แล้วต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อส่วนรวม โดยหลักการนี้จะทำให้ทุกคนใช้เสรีภาพของตนเองและของส่วนรวมได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ละเมิดกัน ซึ่งคอนเซ็ปต์สําคัญคือถ้าทุกคนรู้สึกว่าเสรีภาพทําอะไรก็ได้ มันจะกลายเป็นละเมิดกันเอง จนสุดท้ายก็ไม่มีใครใช้เสรีภาพได้ ผศ.ดร.เอกพล กล่าว
.
ผศ.ดร.เอกพล อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยามของ Free Speech ตามแนวคิดของ เอ็มมานูเอล คานท์ (Immanuel Kant) ว่าเสรีภาพต้องมาควบคู่กับความรับผิดชอบ แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีความเชื่อหรือความคิดเช่นนี้ ซึ่งหากแบ่งกลุ่มความคิดสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเสรีนิยม กลุ่มนี้เชื่อว่า ทุกคําพูดควรที่จะได้รับการอนุญาตให้พูดโต้กันในที่สาธารณะได้ โดยทางแก้ของคําพูดที่แย่ คือการใช้คําพูดที่ดีกว่าให้มากขึ้น ไม่ใช่บังคับให้ฝั่งที่คิดว่าแย่เงียบ เพราะว่าไม่ควรมีใครมีสิทธิ์ที่จะบอกว่าใครดีกว่าใคร เปรียบได้กับการแก้ไขสิ่งที่แย่ด้วยการพูดสิ่งที่ดีกว่าแทนที่จะห้ามพูด
.
กลุ่มประโยชน์นิยม กลุ่มนี้เชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะทําให้สังคมใกล้ความจริง คือการเปิดให้ทุกความเห็นทุกข้อเสนอได้นำมาถกกันตามคอนเซปต์ ตลาดเสรีทางความคิด คือให้ทุกความคิดเห็น ทุกข้อเสนอได้นำมาถกเถียงกันอย่างสร้างสรรค์ มีการแข่งขันกันเหมือนกับสินค้าในตลาด ก็จะทําให้เกิดความหลากหลายและผลักดันสังคมให้ไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นได้ กลุ่มความเชื่อว่าเสรีภาพที่แท้จริงต้องมีเหตุผลในการกํากับตัวเองโดยเป็นกลุ่มความเชื่อของ เอ็มมานูเอล คานท์ ที่เชื่อว่า การพูดอย่างมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่การถูกจํากัดเสรีภาพ แต่เป็นการใช้เสรีภาพอย่างสมบูรณ์ในฐานะมนุษย์ที่มีเหตุผล ในกรอบแนวคิดของคานท์ เสรีภาพแท้ คือการใช้เหตุผลกำกับตนเองและตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อผู้อื่น ซึ่งเป็นจุดยืนและแนวทางที่องค์กรวิชาชีพสื่อในโลกประชาธิปไตยปัจจุบันใช้เพื่อความสมดุลระหว่างเสรีภาพกับความรับผิดชอบ
.
นอกจากนี้ ผศ.ดร.เอกพล ได้กล่าวถึง Political Correctness (PC) ว่าเป็นแนวคิดที่มีขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการสื่อสารโดยการใช้คำพูดในการดูถูกเหยียดหยามหรือลดคุณค่าศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ PC จึงเป็นแนวคิดที่บอกว่าเราควรจะหลีกเลี่ยงการนําเสนอในบางประเด็นหรือการใช้ภาษาบางอย่าง ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มบุคคลที่มีอัตลักษณ์ร่วมบางอย่าง เช่นเรื่องของเพศสภาพ สีผิว วัฒนธรรม ความพิการ หรืออาการเจ็บป่วย สิ่งเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงเนื่องอาจจะสร้างผลกระทบต่อคนบางกลุ่ม โดยเส้นแบ่งระหว่างการวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา (Non-PC) ที่ยังพอยอมรับได้กับการใช้เสรีภาพที่ล้ำเส้นเพื่อทําร้ายกัน เส้นแบ่งนี้ต้องย้อนกลับไปดูว่าสิ่งที่จะวิพากษ์วิจารณ์นั้น เป็นสิ่งที่มุ่งเป้าไปที่การกระทําความคิดว่าเป็นการโจมตีที่ตัวบุคคลหรือ อัตลักษณ์ หรือสถานะที่เขาเลือกไม่ได้หรือไม่ ซึ่งหากอยู่ในขอบข่ายที่ยังยอมรับได้
.
แม้ว่าอาจจะไม่ PC ต้องเป็น เรื่องที่มุ่งวิพากษ์วิจารณ์ไปที่การกระทําหรือว่าความคิดไม่ใช่ตัวบุคคล ตัวอย่างเช่น ถ้าจะวิจารณ์นโยบายของนักการเมืองที่มีความพิการสามารถทำได้ คือการวิจารณ์การทํางาน วิจารณ์นโยบาย วิจารณ์ความคิด ยังเป็นไปได้ แต่ต้องไม่ใช่การวิจารณ์ความพิการของเขามาเป็นเหตุผลในการโจมตี หรือในอีกด้านหนึ่งที่มีการพูดเชื่อมโยงประเด็นเรื่องอาการซึมเศร้า หรือประเด็นสุขภาพจิตตรงนี้สามารถพูดได้ แต่ไม่ใช่พูดเพื่อนำมาเป็นอาวุธในการทําลายล้างทางการเมือง ตรงนี้เป็นเส้นแบ่งที่ควรพิจารณาว่าข้ามเส้น นําไปสู่การใช้เสรีภาพเพื่อการละเมิดบุคคลอื่นหรือไม่
.
โดยสรุป PC เป็นกติกามีประโยชน์ที่จะทําให้เราไม่สื่อสารเพื่อทําให้อีกฝ่ายเกิดความไม่สบายใจ แต่ในบางครั้งอาจจะทําให้การพูดถึงบางปัญหาอย่างตรงไปตรงมาทําได้ยากลําบาก แต่หากเรามุ่งเป้าไปที่ความคิดเรื่องของการทํางานหรือประโยชน์สาธารณะผมว่ายังพอยอมรับได้ แต่หากก้าวข้ามไปสู่การโจมตีไปที่ตัวบุคคล อันนี้ไม่ใช่ (Non-PC) ที่สามารถยอมรับได้ “สำหรับตนเองขอยืนยันและเน้นไปที่การสนับสนุนเสรีภาพในการพูดอย่างเต็มที่ แต่ในทางเดียวกันก็คิดว่าวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องเสรีภาพคือการใช้อย่างมีความรับผิดชอบครับ” ผศ.ดร.เอกพล กล่าว